1 1 ฝรั่ง (Guava) 4. 7 1. 3 มะละกอ (Papaya) 5 1. 25 แตงโม (Watermelo) 5. 2 เกรปฟรุต (Graphefruit) 5. 9 1. 4 เนคทารีน (Nectarine) 6. 6 เมล่อน (Melon) 1. 7 ลูกพีช (Peaches) 7. 1 1. 8 แอปริคอต (Apricots) 7. 8 2 ส้ม (Oranges) 8 บลูเบอร์รี่ (Blueberries) 8. 4 2. 1 ลูกแพร์ (Pears) แอปเปิ้ล (Apples) 8. 8 4. 2 ส้มแมนดารีน (Madarins) 9 2. 25 กีวี (Kiwi) 9. 2 2. 3 กล้วย (Bananas) 10. 1 2. 5 เชอร์รี่ (Cherries) 10. 9 2. 7 ทับทิม (Pomegranate) 11. 6 2. 9 มะม่วงสุก (Mangoes) 12. 7 3. 1 องุ่น (Grapes) 13. 8 3. 45 มะเดื่อฝรั่ง (Figs) อินทผลัม (Dates) 54 13.
กล้วย ประโยชน์ของกล้วยมีอยู่มากมาย ทั้งคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นกลูโคสเพื่อให้พลังงานกับเซลล์และอวัยวะต่าง ๆ ได้ และมีน้ำตาลตามธรรมชาติที่ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที เจ้าคาร์โบไฮเดรตนี่แหละที่ช่วยให้อิ่มท้องได้นาน รู้ถึงประโยชน์ของกล้วยแบบนี้แล้ว ต้องรีบไปหยิบมาปอกกินให้ไว 2. แตงโม เรียกได้ว่าประโยชน์ของแตงโมนี่มีไม่แพ้กล้วยเลย โดยมีจุดเด่นที่เป็นผลไม้ฉ่ำน้ำที่ช่วยเติมความสดชื่นให้ร่างกายยามเช้า อีกทั้งสารไลโคปีนที่อยู่ในผลไม้สีแดงอย่างแตงโม ยังช่วยในการมองเห็น นอกจากนี้ยังให้แคลอรีต่ำ โดยแตงโม 1 ถ้วยมีปริมาณแคลอรีเพียง 40 kcal เท่านั้น ที่สำคัญแตงโมมีไฟเบอร์สูงจึงเหมาะกับคนลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก 3.
มีรีวิว หรือ How to อะไรเอามาแชร์กัน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ JEBAN COMMUNITY ได้ง่ายนิดเดียว เริ่มเขียนเลย
9 กรัม เหลือ 7. 1 กรัม เท่ากับ แคนตาลูปประมาณ 5-6 คำก็พอค่ะ 8. ส้ม ส้มถือว่าเป็นผลไม้ชนิดนึงที่มีกากใยสูง และวิตามินซีสูง สาวๆคนไหนอยากผอมจากการกินส้มให้กินกากใยเข้าไปด้วยนะคะ เพราะไฟเบอร์ตรงนี้จะช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลได้ ในส้มมีสารเบตาแคโรทีนที่ช่วยบำรุงในเรื่องของเส้นผม เล็บ ผิวพรรณ และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการชะลอวัยได้อีกด้วย ส้มมีคาร์โบไฮเดรต 12 กรัม ลบด้วยไฟเบอร์ 2. 4 กรัม เหลือ 9. 6 กรัม เท่ากับ ส้มลูกเล็กกว่าในรูป แค่ 1 ลูกก็พอค่ะ 9. เบอร์รี่ และสตอเบอร์รี่ ต้องบอกเลยว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่สามารถลดคอเลสเตอรอลและช่วยเร่งระบบการเผาผลาญได้ เนื่องจากมีสารเพคตินซึ่งช่วยลดอัตราดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ช่วยควบคุมน้ำหนักตัวได้ ถือเป็นผลไม้อีกตระกูลนึงที่สาวๆ ควรกินเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ สตอเบอร์รี่มีคาร์โบไฮเดรต 8 กรัม ลบด้วยไฟเบอร์ 2 กรัม เหลือ 6 กรัม กล่องนี้ 250g อาจจะต้องกินประมาณ 1 ใน 3 ค่ะ "เบอร์รี่มีคาร์โบไฮเดรต 14 กรัม ลบด้วยไฟเบอร์ 2.
หน่อไม้ฝรั่ง หน่อไม้ฝรั่งมีกรดอะมิโนแอสพาราจีน มีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายขับน้ำส่วนเกินออกมาได้ดีขึ้น เป็นผักที่ช่วยลดกรดและแก๊สในกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดีค่ะ 2. แตงกวา แตงกวาเป็นผักยอดฮิตที่นำมาผัดไข่ก็อร่อย กินเป็นสลัด หรือกินกับน้ำพริกก็แซ่บ ในแตงกวานั้นมีสารเควอซิทิท (quercetin) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยลดอาการบวมน้ำได้ค่ะ ใครชอบแบบไม่ยุ่งยากก็แช่เย็น ๆ แล้วหยิบใส่เครื่องคั้นผักผลไม้แยกกาก กระดกพรวดเลยจ้า 3. มะเขือเทศ ดื่มน้ำมะเขือเทศอาจจะยากไป งั้นลองกินพวกยำที่มีมะเขือเทศสด ๆ หรือกินดิบก็ได้เหมือนกันค่ะ มะเขือเทศช่วยควบคุมความสมดุลของของเหลวในเซลล์และเนื้อเยื่อต่าง ๆ 4. กีวี กีวีเป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง และมีสารเอนไซม์แอกทินิดิน (actinidin) เอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีนและป้องกันไม่ให้ท้องอืด เป็นแหล่งเส้นใยอาหารที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการย่อยอาหาร 5. แตงโม แตงโมเป็นผลไม้ที่มีน้ำเยอะ กินง่ายกว่าผัก ในแตงโมมีโพแทสเซียมสูง ช่วยขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกายในรูปแบบของปัสสาวะ 6. เซเลอรี่ ผักที่มีกลิ่นเหม็นเขียว แต่มีน้ำเยอะ บอกเลยว่ากำลังฮิตมากตอนนี้ เพราะช่วยลดอาการบวมน้ำได้เป็นอย่างดี บทความจากพันธมิตร 7.
1% ทุเรียน 34. 7% กล้วยไข่ 34. 1% กล้วยหอม 31. 4% กล้วยหักมุก 26. 3% กล้วยน้ำว้า 26. 1% ขนุน 23. 7% ละมุด 21. 9% น้อยหน่า 20. 0% มะม่วงอกร่อง 17. 7% เงาะ 16. 5% ลิ้นจี่ 16. 3% มะม่วงสุก 15. 9% ลำไย 15. 6% แอปเปิ้ล 15. 2% มะม่วงดิบ 15. 0% มะปราง มังคุด 14. 7% ลางสาด 14. 0% พุทรา กระท้อน 13. 9% องุ่น 12. 8% ระกำ 12. 1% มะละกอสุก 11. 8% สับปะรด 11. 6% ฝรั่ง ส้มเกลี้ยง 11. 2% ส้มเขียวหวาน ส้มโอ 9. 5% ส้มจุก 9. 2% ชมพู่สาแหรก 7. 6% สตรอเบอรี่ ชมพู่นาค 7. 3% แตงโม 4. 9% ถึงอย่างไรน้ำตาลในผลไม้ก็ยังเป็นสิ่งดี เพียงแต่ต่องระวังเรื่องปริมาณด้วย แต่อย่างไรก็ดี ผลไม้ก็ยังให้ประโยชน์อย่างอื่นด้วย ทั้งให้ใยอาหารสูง และไขมันต่ำ credit: