ยางรถยนต์ เป็นปกติรถของรถยนต์ที่จอดนานๆ เป็นเดือนหรือเป็นปี มักจะยางแบนเพราะน้ำหนักรถยนต์ทั้งหมด กดลงที่บริเวณยางจุดเดิม ทำให้ลมยาง "ซึม" ออกมา จนยางไม่คืนตัว เกิดการยุบตัวของโครงสร้างยางส่วนหน้า ทำให้โครงยางเสียรูป ไม่กลม เมื่อนำรถยนต์ไปขับขี่ภายหลัง อาจทำให้เกิดอาการสั่นและมีเสียงดังผิดปกติได้ เมื่อคุณรู้ว่าต้องจอดรถนาน แนะนำให้เช็คลมยาง เติมลมยางมากกว่าปกติประมาณ 5-10 ปอนด์/ตร.
พระสารีบุตร (เถระ) ประสงค์จะให้พระยมกะพยากรณ์ความ เป็นพระอรหันต์ จึงถามคำถามนี้ว่า สเจ ตํ อาวุโส ดังนี้เป็นต้น. บทว่า ยํ ทุกฺขํ ตํ นิรุทฺธํ ความว่า สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นแล ดับไปแล้ว ไม่มีสัตว์ที่จะชื่อว่าดับต่างหาก ข้าพเจ้าพึงพยากรณ์อย่างนี้. บทว่า เอตสฺเสว อตฺถสฺส ความว่า ปฐมมรรค (โสดาปัตติมรรค) นั้น อย่างนี้. บทว่า ภิยฺโยโสมตฺตาย ญาณาย ความว่า เพื่อประโยชน์ แก่ญาณมีประมาณยิ่ง อธิบายว่า เพื่อประโยชน์แก่การทำมรรค ๓ ชั้นสูง พร้อมทั้งวิปัสสนาให้แจ่มแจ้ง. บทว่า อารกฺขสมฺปนฺโน คือ ถึงพร้อมด้วยการอารักขาภายใน และการอารักขาภายนอก. บทว่า อโยคกฺเขมกาโม คือ ไม่ปรารถนาความเกษม (ปลอดภัย) จากโยคะ ๔. บทว่า ปสยฺห คือ ข่มขู่ ได้แก่ ข่มขี่. บทว่า อนุปขชฺช คือ ลักลอบเข้าไป. ในบทว่า ปุพฺพุฏฺฐายี เป็นต้น พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้:- บุรุษที่ชื่อว่า ปุพฺพุฏฺฐายี เพราะหมายความว่า เห็นคหบดี หรือ บุตรคหบดี มาแต่ไกลก็ลุกจากที่นั่งก่อน. ที่ชื่อว่า ปจฺฉานิปาตี เพราะหมายความว่า ให้ที่นั่งแก่คหบดี หรือบุตรคหบดีนั้นแล้ว เมื่อท่านนั่ง (ตนเอง) จึงหย่อนตัวลง คือ นั่งทีหลัง. (อีกอย่างหนึ่ง) บุรุษนั้นตื่นขึ้นแต่เช้าตรู่ แล้วจัดแจงว่า พวกเจ้าจำนวนเท่านี้ จงไปไถนา จำนวนเท่านี้จงไปหว่าน ดังนี้ชื่อว่า ลุกขึ้นก่อนใครหมด เพราะเหตุนั้นจึงชื่อว่า ปุพฺพุฏฺฐายี.
ดอกบัว วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย วิธีโยนิโสมนสิการเท่าที่พบในบาลี พอประมวลเป็นแบบใหญ่ ๆ ได้ดังนี้ 1. วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย คือพิจารณาปรากฏการณ์ที่เป็นผล ให้รู้จักสภาวะที่เป็นจริงหรือพิจารณาปัญหา หาหนทาง แก้ไข ด้วยการค้นหาสาเหตุและปัจจัยต่าง ๆ ที่สัมพันธ์ส่งผลสืบทอดกันมา อาจเรียกว่า วิธีคิดแบบอิทัปปัจจยตา หรือคิดตามหลักปฏิจจสมุปบาท จัดเป็นวิธีโยนิโสมนสิการแบบพื้นฐาน ดังจะเห็นว่าบางครั้งท่านใช้บรรยายการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า วิธีนี้กล่าวตามบาลีพบแนวปฏิบัติพื้นฐาน ดังจะเห็นบางครั้งท่านใช้บรรยายการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า วิธีนี้กล่าวตามบาลีพบแนวปฏิบัติดังนี้ ก. คิดแบบปัจจัยสัมพันธ์ โดยอริยสาวกโยนิโสมนสิการ การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดขึ้นพรั่งพร้อมว่า "เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี เพราะสิ่งนี้นี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ" ข. คิดแบบสอบสวน หรือตั้งคำถาม เช่น ที่พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาว่า "เรานั้นได้มีความคิดว่าเมื่ออะไรมีอยู่หนอ อุปาทานจึงมี อุปาทานมีเพราะอะไรเป็นปัจจัย? ลำดับนั้นเพราะเราโยนิโสมนสิการจึงรู้ได้ด้วยปัญญาว่า เมื่อตัณหามีอยู่ อุปาทานจึงมี อุปาทานมีเพราะตัณหาเป็นปัจจัย.