ปัญหาทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป 16. หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ 17. มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง 18. คนเราไม่ต้องเก่งไปทุกอย่าง แต่จงสนุกกับงานทุกชิ้น ที่ได้ทำ 19. หัวใจของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่จุดหมาย หากอยู่ที่ประสบการณ์สองข้างทางมากกว่า เรียบเรียงโดย: Postsod
หากิจกรรมอย่างอื่นทำ ชีวิตคนเราไม่ได้มีแต่งาน ฉะนั้นนอกเหนือจากเวลางานแล้ว ควรจะมองหากิจกรรมที่สร้างความท้าทายและให้คุณได้ออกไปใช้ชีวิตจริง ๆ อย่างเช่น กีฬา การออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ทำให้คุณได้มีส่วนร่วมกับชุมชนก็เป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาความเครียดได้ค่ะ 3. เลิกใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แม้ว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรืออุปกรณ์สื่อสารบางชิ้นจะเป็นสิ่่งที่ขาดไม่ได้ แต่สำหรับในเวลาพักผ่อน ก็ควรจะออกให้ห่างจากสิ่งของเหล่านี้ เวลาพักผ่อนคือเวลาพักผ่อนค่ะ การที่เรายังเล่นโทรศัพท์มือถือหรือเอาแต่เช็กอีเมลในเวลาพักผ่อนจะทำให้เครียดอยู่เหมือนเดิมค่ะ ฉะนั้นไม่ว่าจะหลังเลิกงานหรือเที่ยวพักร้อน อยู่ให้ไกลจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ดีกว่า 4. นอนหลับให้เพียงพอ การวิจัยหนึ่งเปิดเผยว่าการนอนหลับพักผ่อนน้อยกว่าวันละ 6 ชั่วโมง เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่จะทำให้เป็นโรค Burnout Syndrome โดยผลกระทบที่เห็นได้ชัดที่สุดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอก็คือประสิทธิภาพในการทำงาน และผลของงาน นอกจากนี้ก็ยังทำให้คุณอ่อนเพลีย ขาดความกระตือรือร้น แถมยังอาจทำให้เครียดกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งผลกระทบทั้งหมดนี้ก็จะส่งผลต่อสภาวะจิตใจ ทำให้คุณเครียดได้ง่ายขึ้นอีกด้วย การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยทำให้คุณรับมือปัญหาต่าง ๆได้ดีขึ้น 5.
What do they SEE 'สิ่งที่ User คนนั้นเห็นจริงๆระหว่างที่ทำเป้าหมาย': จะเรียกว่าเป็น Touchpoint ต่างๆที่ User ได้เห็นทั้ง Online หรือ Offline ก็ได้ เช่น คิวลงทะเบียนทางเข้างาน มีคนรอคิวยาวทุกแถวเลย ลิฟท์จอดรถขนของขึ้นอาคารมีเยอะแต่มืด แอพสถานีชาร์จของแต่ละผู้ให้บริการที่มีมากกว่า 5 แอพในเครื่อง 4. What do they SAY 'ประโยคหรือคำพูดที่ User พูดออกมา': สิ่งที่ User พูดออกมาตอนที่เรา Research อาจจะจากการสัมภาษณ์ หรือ Observe ดู User ระหว่างที่เขากำลังทำเป้าหมายนั้นๆอยู่ เช่น "ต้องเตรียมเอกสารในการลงทะเบียนเยอะไปหน่อยนะ" "ลิฟท์ขนของกับร้านมันไกลกันไปนิด ขี้เกียจแบกของ" "บางทีไปแล้วไม่รู้ว่าจะได้ชาร์จจริงหรือเปล่า เพราะเคยไปแล้วเจอตู้ชาร์จเสีย" 5. What do they DO 'Action การกระทำจริงๆของ User': ที่เราเห็นมาจากการ Observe หรือ ถ้าไม่ได้ Observe ก็อาจจะมาจากการสัมภาษณ์ก็ได้ (แต่ถ้าเราเห็นด้วยตาจะดีมาก) เช่น ขอยืมปากกาจากเพื่อน เพื่อกรอกเอกสารที่หน้าทางเข้างาน ฝากร้านค้าข้างๆดูร้าน เวลาตัวเองไปเข้าห้องน้ำ และต้องเอาของมีค่าไปด้วย เลือกสถานีจากรีวิว ดูรูป สถานที่จริงก่อนว่าโอเคไหม 6. What do they HEAR 'สิ่งที่ User ได้ยินมา': อาจจะมาจากการ Observe หรือ User บอกว่าเขาได้ยินมาจากคนอื่น, เพื่อน หรือจาก Internet แล้วสิ่งนั้นอาจจะมีผลต่อความคิดของเขา เช่น ได้ยินรุ่นพี่บอกว่า แค่มาลงทะเบียนก็พอ ไม่ต้องไปเข้าประชุมหรอกเสียเวลา ป้าแม่บ้านบอกว่าทำเลโซน B ดูร้านเขาขายดีอยู่นะ คนส่วนใหญ่บอกให้ลองถามในกลุ่ม Line ก่อนไปชาร์จรถที่สถานีที่ไม่เคยไป 7.