Posted on 01/22/2013 by saowalak ศึกษาธิการ – นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงนามในหนังสือเวียนถึงหัวหน้าส่วนราชการที่มีสถานศึกษาในสังกัด ลงวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๖ เพื่อซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับทรงผมของนักเรียน รมว. ศธ. ได้ลงนามในหนังสือสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่ ศธ ๐๒๐๙/๑๘๙ ลงวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๖ เรื่อง ซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับทรงผมของนักเรียน โดยให้สถานศึกษาปฏิบัติเกี่ยวกับทรงผมของนักเรียนเป็นแนวทางเดียวกัน เนื่องจากที่ผ่านมาปรากฏว่าสถานศึกษาบางแห่งมีความเข้าใจในเรื่องทรงผมนักเรียนไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ. )
4 แสนกว่าคน คงจะมีจำนวนไม่น้อยที่ตามโลกไม่ทัน อยู่กับวิธีการเก่าๆ กระทรวงต้องช่วยทั้ง 4 แสนคนว่า ทำอย่างไรให้มีมาตรฐานใกล้เคียงกันขึ้นมา ในส่วนของหน่วยงานที่ได้เข้ามาร่วมชี้แจงระบุว่า หลังจากที่ได้รับฟังข้อคิดเห็นและประเด็นจากการประชุมในวันนี้ ทางหน่วยงานจะได้รับเรื่องต่างๆ ไปดำเนินการส่งเรื่องให้ผู้บริหารระดับสูงต่อไป พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
กล่าว สำหรับกฎระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการไว้ทรงผมนักเรียน พ. 2563 คือ นักเรียนต้องปฏิบัติตนเกี่ยวกับการไว้ทรงผม ดังนี้ นักเรียนชายจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวด้านข้าง ด้านหลังต้องยาวไม่เลยตีนผม ด้านหน้าและกลางศีรษะให้เป็นไปตามความเหมาะสมและมีความเรียบร้อย นักเรียนหญิงจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวให้เป็นไปตามความเหมาะสมและรวบให้เรียบร้อย และ ข้อ 5 นักเรียนต้องห้ามปฏิบัติตน ดังนี้ 1. ดัดผม 2. ย้อมสีผมให้ผิดไปจากเดิม 3. ไว้หนวดหรือเครา และ 4. การกระทำอื่นใดซึ่งไม่เหมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรียน เช่น การตัดแต่งทรงผมเป็นรูปทรงสัญลักษณ์หรือเป็นลวดลาย นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า ส่วนประเด็นการเผยแพร่ภาพนักเรียนโดนกล้อนผมรับเปิดภาคเรียนใหม่บนโลกโซเชียลนั้น ก็ต้องยอมรับว่าโรงเรียนทำไม่ถูกต้อง เพราะการจะลงโทษนักเรียนไม่ว่าจะกระทำความผิดใดๆก็ตามจะต้องยึดระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ. 2548 มี 4 ข้อดังนี้ 1. ว่ากล่าวตักเตือน 2. ทำทัณฑ์บน 3. ตัดคะแนนความประพฤติ และ4. ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่ เห็นด้วย 83% ไม่เห็นด้วย 17%
นักเรียนทำแคมเปญ เลิกบังคับหรือจับตัด เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่ตั้งคำถามต่อบทลงโทษเกี่ยวกับทรงผมในสถานศึกษา บริเวณสยามสแควร์วัน เมื่อวานนี้ (27 มิ. ย. )
ศ. 2563 โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.
วันนี้ (15 กรกฎาคม) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ได้มีการประชุมพิจารณาในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนเด็กนักเรียน เรื่องทรงผม ระเบียบการลงโทษ พร้อมทั้งมีการเชิญตัวแทนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และผู้ได้รับผลกระทบมาร่วมตอบข้อซักถามและชี้แจง ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนจากกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ. ) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขตต่างๆ ในพื้นที่ที่มีกรณีเกิดขึ้น และตัวแทนจากองค์กรนักเรียนเลว ในฐานะผู้ร้อง วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส. ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะสมาชิกกรรมาธิการ ได้กล่าวเปิดวาระว่า ตนขอยืนยันว่าพฤติกรรมที่ผ่านมาของครูบางคน ตั้งแต่การบังคับจับนักเรียนกล้อนผม การเอาสีไปป้าย การแขวนป้ายประจาน จนกระทั่งเมื่อนักเรียนเอาเรื่องมาเปิดโปง ก็ยังมีการใช้วาจาผรุสวาทเปรียบเทียบนักเรียนเป็นโสเภณี ข่มขู่คุกคาม ไล่นักเรียนไปเรียนที่อื่น เรื่องต่างๆ เหล่านี้มีความผิดทั้งทางกฎหมายอาญา ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ พระราชบัญญัติ (พ. ร. บ. ) คุ้มครองเด็ก พ. ศ. 2546 อีกทั้งที่ผ่านมายังไม่เคยมีการวิจัยออกมายืนยันได้เลยว่าการลงโทษด้วยวิธีการเหล่านี้จะสามารถสร้างพฤติกรรมของเด็กให้ดีขึ้นได้ เราจึงอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู้อำนวยการและครูบางท่านว่าการลงโทษเช่นนี้จะเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กได้.
กาญจนากล่าว ช่างผมสาวยังเผยว่า พวกนักเรียนหญิงจะมีเทคนิคหลบเลี่ยงการจับผิดจากสายตาของอาจารย์ปกครอง เช่น ใช้เจลใส่ผมทาบริเวณปอยผมที่ซอยไว้ เพื่อให้มัดผมได้เรียบเหมือนนักเรียนคนที่ตัดแบบถูกระเบียบ ผิดกับนักเรียนชายที่เป็นเรื่องยากมากสำหรับการจัดแต่งทรงผมเพื่อหลบหลีกทางโรงเรียน แต่ก็พอจะมีเทคนิคอยู่บ้าง เช่น การเลือกตัดผมด้านข้างยาวกว่าด้านหลังเล็กน้อย เพราะฝ่ายปกครองของโรงเรียนหรือ ครูฝึก ร. ด. มักจะตรวจผมแค่เพียงด้านหลัง แม้ดูเป็นสิ่งเล็กน้อยแต่ก็สร้างความรู้สึกดีให้กับนักเรียนชายที่ชอบแหกกฎ เป็นหลากหลายมุมมองขึ้นกับเหตุผลของแต่ละคน แต่ในช่องว่างระหว่างกฎระเบียบและเสรีภาพ