โครงการแก้มลิงฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยส่วนนี้จะทำการรับน้ำในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา นับตั้งแต่จังหวัดสระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร มาตามคลองสายต่าง ๆ โดยใช้คลองชายทะเลที่ตั้งอยู่ริมทะเลด้านจังหวัดสมุทรปราการ ทำหน้าที่เป็นบ่อพักน้ำหรือรับน้ำ และพิจารณาหนองบึงหรือพื้นที่ว่างเปล่าตามความเหมาะสม เพื่อเป็นบ่อพักน้ำเพิ่มเติมโดยใช้คลองธรรมชาติในแนวเหนือ-ใต้ เช่น คลองพระองค์ไชยนุชิต คลองบางปลา คลองด่าน คลองบางปิ้ง คลองตำหรุ คลองชายทะเล เป็นแหล่งระบายน้ำเข้า-ออกจากบ่อพักน้ำ 2. โครงการแก้มลิงฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา แก้มลิงฝั่งนี้จะใช้คลองมหาชัย คลองสนามชัย และแม่น้ำท่าจีน ทำหน้าที่เป็นคลองรับน้ำในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี นครปฐม และกรุงเทพมหานคร แล้วระบายลงสู่ทะเลด้านจังหวัดสมุทรสาคร นอกจากนี้ยังมีโครงการแก้มลิง "แม่น้ำท่าจีนตอนล่าง" เพื่อช่วยระบายน้ำที่ท่วมให้เร็วขึ้น โดยใช้หลักการควบคุมน้ำในแม่น้ำท่าจีน คือ เปิดการระบายน้ำจำนวนมากลงสู่อ่าวไทย เมื่อระดับน้ำทะเลต่ำ ซึ่งโครงการนี้จะประกอบไปด้วย 3 โครงการในระบบคือ 1. โครงการแก้มลิง แม่น้ำท่าจีนตอนล่าง ประกอบด้วย – ประตูระบายน้ำ ค.
ศ. ๒๔๙๓ – ๒๕๐๕ จะเป็นการช่วยเหลือเฉพาะหน้า ยังไม่ได้เป็นโครงการเต็มรูปแบบอย่างในปัจจุบัน พระราชดำริเริ่มแรกที่เป็นโครงการช่วยเหลือประชาชนเริ่มขึ้นในปี พ. ๒๔๙๔ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมประมงนำพันธุ์ปลาหมอเทศจากปีนัง ซึ่งได้รับจากผู้เชี่ยวชาญด้านการประมงขององค์การอาหาร และการเกษตร แห่งสหประชาชาติ เข้าไปเลี้ยงในสระน้ำของพระที่นั่งอัมพรสถาน และเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ. ๒๔๙๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพันธุ์ปลาหมอเทศนี้แก่กำนันผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศ เพื่อจะได้นำไปเลี้ยงเผยแพร่ขยายพันธุ์แก่ราษฎรในหมู่บ้านของตน เพื่อจะได้มีอาหารโปรตีนเพิ่มขึ้น โครงการพระราชดำริที่นับได้ว่าเป็นโครงการพัฒนาชนบทโครงการแรก เกิดขึ้นในปี พ.
2512 โดยมี ทันตแพทย์ สี สิริสิงห์ เป็นหัวหน้าทีม เพื่อส่งทันตแพทย์อาสาสมัครออกช่วยเหลือ บำบัดโรคเกี่ยวกับฟัน ตลอดจนสอนการรักษาอนามัยของปากและฟันแก่เด็ก นักเรียนและประชาชน ที่อยู่ในท้องที่ทุรกันดาร โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ และได้รับความร่วมมือจากทันตแพทย์โรงพยาบาลต่างๆ ในการออกปฏิบัติการภาคสนาม 3. โครงการศัลยแพทย์อาสาราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย เป็นโครงการที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ. 2518 หลังจากที่เปิดโครงการแพทย์พิเศษตามพระราชประสงค์ใน พ. 2517 แพทย์ที่อาสาสมัครซึ่งเป็นแพทย์อาวุโสและมีประสบการณ์มาก เล็งเห็นความสำคัญและความจำเป็น ที่จะต้องมี ศัลยแพทย์อาสา ไปช่วยปฏิบัติงาน ณ โรงพยาบาลประจำจังหวัดสกลนคร ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จแปรพระราชฐาน ประทับที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จึงได้มีการศึกษาหาข้อมูล และความต้องการของโรงพยาบาลและหน่วยงานต่างๆ ในด้านศัลยกรรม และรวบรวมจัดทำทำเนียบศัลยแพทย์อาสา แล้วก่อตั้งวิทยาลัยศัลยแพทย์ขึ้น ภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับวิทยาลัยศัลยแพทย์ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และเปลี่ยนชื่อเป็น ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ในเวลาต่อมา 4. โครงการแพทย์ หู คอ จมูก และโรคภูมิแพ้พระราชทาน เริ่มเมื่อ พ.
โครงการแพทย์หลวงเคลื่อนที่พระราชทาน โครงการพระราชดำริโครงการนี้เกิดขึ้นใน พ. ศ. 2510 เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐาน ประทับแรม ณ พระราชวังไกลกังวล หัวหิน ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล เครื่องมือ เครื่องใช้ ตลอดจนยารักษาโรค ไปยังท้องถิ่นทุรกันดารในจังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีหน่วยแพทย์ของทางราชการเข้าไปถึง เพื่อให้การตรวจรักษาราษฎร โดยไม่คิดมูลค่าใด ๆ 2. โครงการหน่วยแพทย์พระราชทาน โครงการพระราชดำริทางด้านการแพทย์โครงการแรก ซึ่งถือกำเนิดเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.
- บาท 1 ค่าจ้างเหมาจัดทำอาหาร น้ำดื่ม น้ำแข็ง ผลไม้ ฯลฯ สำหรับบริการ ผู้สูงอายุ ตลอดจน ประชาชนอื่นๆที่มาร่วมกิจกรรม จำนวน 1 มื้อ (มื้อเที่ยง) รวมทั้งอาหารว่าง 1 มื้อ เป็นเงิน 40, 000. - บาท 2 ค่ารางวัลประกวดผู้สูงอายุสุขภาพดี – ชนะเลิศ 2 รางวัลๆละ 500 บาท เป็นเงิน 1, 000. - บาท – รองชนะเลิศ 2 รางวัลๆละ 400. - บาท เป็นเงิน 800. - บาท – ชมเชย 10 รางวัลๆละ 300. - บาท เป็นเงิน 3, 000. - บาท รวมเป็นเงิน 4, 800. - บาท 3 ค่าป้ายไวนิลโครงการ จำนวน 1 ป้าย ขนาด 0. 40×4. 80 เมตร จำนวน 1 ป้าย เป็นเงิน 1, 000.
โครงการอบรมหมอหมู่บ้านในพระราชประสงค์ เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเล็งเห็นว่าปัญหาด้านการแพทย์และสาธารณสุขเกิดจากการที่ราษฎรไม่ได้รับการรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง อีกทั้งยังไม่มีสถานพยาบาลอยู่ใกล้ หรือบ้างก็เกิดจากการอุปโภค-บริโภคที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ด้วยเหตุนี้จึงมีพระราชดำริจัดตั้งโครงการอบรมหมอหมู่บ้านในพระราชประสงค์ โดยคัดเลือกคนในหมู่บ้านต่าง ๆ มาเข้ารับการฝึกอบรมด้านการรักษาพยาบาลเบื้องต้น การรักษาโรคอย่างง่าย เพื่อให้หมอหมู่บ้านเหล่านี้สามารถช่วยเหลือประชากรในหมู่บ้านได้อย่างถูกวิธี 8.