ห้ามกาวช้าง กาวร้อนโดนสิ่งนี้??? - YouTube
ปัญหาเล็ก ๆ แต่กวนใจทุกครั้งที่เจอเลยก็คือคราบกาวเหนียวเหนอะหนะ ที่ทิ้งร่องรอยไว้หลังจากการลอกสติกเกอร์ออก ไม่ว่าจะเป็นฉลากบนบรรจุภัณฑ์พลาสติก หรือจะเป็นคู่มือการดูแลผลิตภัณฑ์ฉบับย่อที่มักจะติดมาบริเวณก้นแก้ว หรือแม้กระทั่งสติกเกอร์ตกแต่ง ที่เคยตั้งใจติดไว้ วิธีกำจัดคราบกาว โบกมือลาความเหนียวที่ไม่ต้องการ ด้วย 6 วิธีกำจัดคราบกาว ของแถมที่เราไม่ต้องการให้เกลี้ยง ด้วยของใช้ที่อยู่ในบ้าน ทวงคืนความใสกิ๊งให้กับข้าวของเครื่องใช้ไปกับเทคนิคดี ๆ ที่ my home นำมาฝากกันค่ะ 1. เทปกาว วิธีนี้ขอเรียกว่าเป็นวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น สำหรับคราบกาวที่ไม่ได้ติดแน่นมาก หรือเป็นคราบที่เพิ่งเกิดใหม่ ๆ เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอกับปัญหาที่ว่าดึงสติกเกอร์ออก แต่ส่วนของกระดาษขาว ๆ และสติกเกอร์ยังติดอยู่ที่เดิม ปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการใช้เทปกาวติดทับลงไปที่รอยกระดาษ รูดให้แนบติดกับรอยกระดาษ แล้วดึงออกแรง ๆ ทำแบบนั้นซ้ำ ๆ จนกว่ากระดาษจะหลุดออกจนหมด อาจจะต้องใช้เวลาเสียหน่อย แต่เป็นวิธีที่ดีต่อผิววัสดุค่ะ 2. น้ำส้มสายชู หากใช้เทปกาวจนเหนื่อยใจ คราบกาวก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหายไป ลองใช้น้ำส้มสายชูดูช่วยได้ค่ะ วิธีการก็คือผสมน้ำส้มสายชูเข้ากับน้ำสะอาด ในอัตราส่วน 1: 3 จากนั้นนำภาชนะที่มีคราบกาวติด มาแช่ทิ้งไว้ 30 นาที น้ำและน้ำส้มสายชูจะเป็นตัวช่วยทำให้คราบกาวหลุดออกไปอย่างง่ายดายเพียงใช้มือถูเบา ๆ เมื่อนำขึ้นมาแล้วล้างให้สะอาดอีกครั้งก่อนจะนำไปใช้งานด้วยนะคะ 3.
[Total: 55 Average: 2. 7 /5] เสื้อผ้าที่เราสวมใส่กันอยู่ทุกวัน ย่อมมีโอกาสที่จะเกิดคราบหรือรอยเปื้อนขึ้นได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นคราบสนิม คราบกาว คราบโคลน คราบอาหาร คราบกาแฟ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถเกิดขึ้นกับเราได้ บทความนี้เราจะมาโฟกัสกันที่เรื่องของการ ขจัดคราบกาวบนผ้า กัน บางทีเราอาจไปเผลอนั่งทับกาว เด็กเล็กอาจทำกาวเปื้อนเสื้อผ้า หรือแม้แต่การลืมเอาสติ๊กเกอร์ออกจากเสื้อผ้าใหม่ก่อนนำไปซัก ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คราบกาวติดบนเสื้อผ้าได้ ฉะนั้น วิธีขจัดคราบกาวบนผ้า จึงเป็นความรู้ที่มีประโยชน์ต่อเราทุกคนแน่นอนค่ะ ถ้าคุณเผลอทำกาวติดเสื้อผ้าไปแล้ว อย่าเพิ่งกังวล!
ใช้อะไรล้างกาวร้อนกาวตราช้างหลุดออกเร็วที่สุด - YouTube
เหมือนวิธีแรกเลย ใช้เล็บหรือขอบช้อนขูดเอากาวออก ซึ่งอาจไม่ออกหมดเสียทีเดียว แต่ก็ไม่ต้องห่วงไป หัวใจหลักของการขจัดกาวตราช้างออกอย่างปลอดภัยคือให้ค่อยๆ ทำ [9] ถ้าคุณทาเล็บล่ะก็ อย่าได้ใช้เล็บขูดเด็ดขาดเลยนะ เพราะบริเวณนั้นผ่านการแช่อะซิโตน ซึ่งสามารถละลายทั้งยาทาเล็บและกาวบนเสื้อผ้าได้ไม่ต่างกัน 5 ใช้อะซิโตนอีกครั้งถ้าจำเป็น. บางทีก่อนหน้านี้อะซิโตนอาจแค่ไปทำลายพื้นผิวชั้นบนของกาวเท่านั้น หมายความว่าคุณจะต้องแช่กาวในอะซิโตนแล้วขูดคราบกาวออกอีกครั้งก็ได้ ฉะนั้นถ้ายังเห็นก้อนคราบกาวที่มีขนาดใหญ่ ก็ให้ใช้ก้อนสำลีจุ่มอะซิโตนแล้วทำขั้นตอนนี้ซ้ำอีกครั้ง [10] ส่วน 3 ของ 3: นำผ้าไปซัก 1 ใช้น้ำยาขจัดคราบป้ายลงบนเสื้อผ้า. เมื่อคราบกาวส่วนใหญ่หลุดออกไปแล้ว ให้ใช้น้ำยาขจัดคราบป้ายผ้าบริเวณนั้น แล้วนวดๆ ถูๆ ให้น้ำยาซึมเข้าไปในคราบ จากนั้นก็ใช้น้ำเย็นล้างน้ำยาออก [11] ซักผ้าโดยใช้อุณหภูมิและความเร็วตามบนป้าย. เพื่อทำความสะอาดถึงขั้นสุดท้าย โดยผ้าส่วนใหญ่ก็สามารถซักได้ทั้งในน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น ถ้าผ้าชิ้นนั้นไม่มีป้ายบอกการดูแลแล้ว ก็ให้ใช้น้ำเย็นกับความเร็วระดับนุ่มนวลในการซัก ถ้าคุณไม่มีเวลาไปซักผ้า ให้ใช้สบู่กับน้ำเย็นซักบริเวณที่เปื้อนกาว จากนั้นก็ล้างออก แล้วใช้ผ้าขนหนูซับให้แห้งแทน 3 ถ้ายังมีคราบหลงเหลืออยู่ ก็ให้ซักเสื้อผ้านั้นอีกรอบ.
ถ้าทิ้งไว้จนกาวแห้ง จะทำความสะอาดยาก ถ้าลงมือทำความสะอาดตอนกาวยังเปียกๆ เหนียวๆ จะกำจัดออกได้เป็นก้อนๆ ก่อนจะทันแห้งกรังคาหน้าต่าง ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดกาวก่อนแห้งกรัง. ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนเช็ดกาวตอนยังไม่ทันแห้งน่าจะเห็นผล หรือใช้ทิชชู่หนาๆ เสื้อเก่า ไม่ก็ด้านหยาบของฟองน้ำล้างจานแทนก็ได้ ขัดคราบที่หน้าต่างประมาณ 1 - 2 นาทีจนไม่เหลือคราบกาว พอหน้ากระจกสะอาดแล้ว ให้ใช้ผ้าขนหนูเช็ดจนแห้ง สำรวจร่องรอยอีกรอบ ถ้ายังมีคราบก็ทำซ้ำตามขั้นตอนจนสะอาด ถ้ากาวยังไม่แห้ง อาจจะติดผ้าที่ใช้เช็ดได้ ซึ่งเช็ดล้างไม่ค่อยออก เพราะงั้นให้ใช้ผ้าขี้ริ้วหรือผ้าเก่าที่ไม่ใช้แล้ว บางทีการเช็ดถูกาวที่ยังไม่แห้ง อาจจะทำให้เลอะเป็นวงกว้างกว่าเดิม กระจกก็จะมัวกว่าเดิม แบบนี้แค่ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดไม่พอ ต้องใช้น้ำยาแรงขึ้น 4 ใช้น้ำยาทำความสะอาดคราบกาวแห้ง. จะใช้แอลกอฮอล์ล้างแผล น้ำยาล้างเล็บ WD-40 น้ำยาขจัดคราบมันแบบอุตสาหกรรม น้ำส้มสายชู หรือน้ำมันไฟแช็คก็ได้ ทั้งหมดนี้ช่วยขจัดคราบกาวเปียกเป็นก้อนจากหน้าต่างได้ วิธีทำความสะอาดก็เหมือนตอนขจัดกาวแห้งกรัง คือใช้ผ้าขนหนูหรือทิชชู่หนาๆ ชุบน้ำยาให้ชุ่ม แล้วเช็ดถูจนไม่เหลือคราบกาว 5 ใช้ฟองน้ำร้อนๆ ทำให้กาวนิ่มลง.